นายอโณทัย ไทยวรรณศรี ผอ.สพป.ตาก เขต ๒ เป็นประธานเปิดการอบรมให้ความรู้และความเข้าใจประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๐ ในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๐
ณ ห้องประชุม อาคารอำนวยการ วิทยาลัยเทคนิคแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยมีนายประวัตร์ พันธ์กอง รอง ผอ.สพป.ตาก เขต ๒ เป็นผู้กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์
ซึ่งตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอำนาจบริหารและจัดการศึกษา พ.ศ.๒๕๕๐ โดยกำหนดให้มีการกระจายอำนาจและบริหารจัดการทั้ง ๔ ด้าน ประกอบด้วย ๑.ด้านวิชาการ ๒.ด้านงบประมาณ ๓.ด้านบริหารงานบุคคล และ ๔.ด้านบริหารงานทั่วไป สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒ ได้ตระหนักถึงการบริหารจัดการในด้านงบประมาณเกี่ยวกับงานการเงิน การบัญชีและการพัสดุของสถานศึกษา ซึ่งเป็นงานที่เสี่ยงต่อการดำเนินงานสูง หากบุคลากรของสถานศึกษาขาดความรู้ความเข้าใจ ในด้านการบริหารจัดการด้านงบประมาณการเงิน การบัญชี และการพัสดุนำไปสู่การปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย ข้อบังคับที่ทางราชการกำหนด อาจส่งผลความเสียหายต่อองค์กร สถานศึกษาและประเทศชาติได้ เพื่อให้การบริหารจัดการด้านงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินงานการพัสดุของสถานศึกษา โดยได้รับจัดสรรงบประมาณเกี่ยวกับงานก่อสร้าง และจะต้องมีผู้ควบคุมงานเพื่อปฏิบัติงานควบคุมงานก่อสร้างว่าถูกต้องตามแบบแปลนหรือไม่ เพื่อให้การควบคุมงานของข้าราชการครูที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมงานก่อสร้างดังกล่าว และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายถูกต้องเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และนำไปสู่การปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง
จากความสำคัญดังกล่าวข้างต้น กลุ่มบริหารการเงินและสินทรัพย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาตาก เขต ๒ ได้จัดโครงการอบรมให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมงานก่อสร้างสำหรับผู้ปฎิบัติหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้าง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๐ ขึ้น โดยมีกำหนดระยะเวลา ๒ วัน คือในวันที่ ๙ – ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่รับผิดชอบในการควบคุมก่อสร้างและตรวจรับงานของสถานศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจในงานด้านการควบคุมงานก่อสร้างและตรวจรับ และสามารถนำความรู้ไปใช้ในการควบคุมงานก่อสร้างต่างๆของสถานศึกษาให้เป็นไปตามแบบแปลนที่ถูกต้อง ผู้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ประกอบด้วยผู้ปฎิบัติหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้าง ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒ จำนวน ๑๑๗ คน วิทยากรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒๓ คน รวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๔๐ คน